สนุ๊กเกอร์
สนุกเกอร์ เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่หลายคนยังเข้าใจผิดอยู่มาก หลายคนมองว่าเป็นกีฬาที่ทำให้คนไปมั่วสุมกัน มีการพนันมาเกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะมีภาพลักษณ์แบบนั้นจริง แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว กีฬาชนิดนี้ตอนนี้ได้มีคนเล่นเพื่อการพักผ่อน สันทนาการกันมากขึ้น แถมยังเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิ การวางแผนอย่างมากทีเดียว หรือใครจะมุ่งมั่นไปจนถึงระดับอาชีพก็มีการแข่งขันล่าเงินรางวัลทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติก็มีเยอะ ใครที่อยากดูกีฬานี้ให้สนุกขึ้นต้องรู้จักกติกาด้วย เราเลยจะมาอธิบายเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้ให้ฟัง รับรองว่าไม่ยาก
ประวัติความเป็นมาสนุกเกอร์
กีฬาสนุกเกอร์นั้น เดิมทีเป็นเพียงแค่กิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียดของเหล่าทหารอังกฤษที่ประจำการอยู่ต่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการนำกิจกรรมที่เคยทำอย่าง เกมปิรามิด เกมไลฟ์พลู เกมอื่นมาควบรวมเข้าด้วยกัน ก่อนจะเกิดเป็นกิจกรรมที่มีการตั้งกติกาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยผู้ที่ตั้งกติกาขึ้นมาอย่างชัดเจนก็คือ นายทหารใหญ่ชื่อว่าผู้พัน เนวิลล์ ฟรานซิส ฟิตซ์เจอรัลด์ แชมเบอร์เลน เค้าได้ตั้งกฎขึ้นมาพร้อมกับทำโต๊ะขึ้นมาพิเศษเพื่อเล่นกิจกรรดังกล่าว ชื่อกิจกรรมที่ว่า สนุกเกอร์ นั้นเป็นคำแสลงที่เอาไว้เรียกคนที่แทงลูกสนุกเกอร์ไม่ถูกสักทีจากนั้นก็เล่นกันมาเรื่อย พร้อมความนิยมที่แพร่กระจายไปมากขึ้น แต่การเล่นยังถูกจำกัดไว้สำหรับกลุ่มคน หรือ ชมรมส่วนตัวเท่านั้น
อุปกรณ์การเล่นสนุกเกอร์
สิ่งหนึ่งที่ทำให้กีฬาสนุกเกอร์ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไร อาจจะเกิดจากอุปกรณ์การเล่นค่อนข้างพิเศษ หายาก และมีราคาแพง ทำให้การเล่นต้องอยู่ในกลุ่ม หรือชมรมเฉพาะทางที่รวมเงินกันซื้อมาเล่นด้วยกัน อุปกรณ์จำเป็นอย่างแรกเลยก็คือ โต๊ะเล่นสนุกเกอร์ โต๊ะจะต้องมีขนาดประมาณ 11×5 ฟุต มีหลุมอยู่ 6 หลุม อยู่ทั้ง 4 มุม และกลางโต๊ะอีกสองหลุม ซึ่งความยากไม่ได้อยู่ที่ขนาดของโต๊ะ แต่อยู่ที่ผ้ารองโต๊ะต้องใช้ผ้าสักหลาดสีเขียวอย่างดี เพื่อให้ลูกสามารถกลิ้งไปได้อย่างนิ่มนวลไม่กระแทกกับขอบโต๊ะแรงเกินไป ส่วนหลุมก็จะมีการต่อตาข่าย รางส่งลูกเพื่อให้ลูกไม่ตกพื้น
ไม้คิว
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนเล่นต้องมี ไม้คิวเป็นเรื่องสำคัญแต่ราคาแพงมาก ทำให้นักกีฬาสนุกเกอร์แบบสมัครเล่น ไม่ค่อยจะลงทุนซื้อมากนัก อาศัยไปเช่าโต๊ะเล่นแล้วก็เอาไม้ของทางร้านมาเล่นเลย ไม้คิวนั้นจะมีสองแบบ แบบแรกไม้คิวสำหรับแทงจะเป็นไม้แท่งยาว ปลายเรียวแหลมแล้วไล่ระดับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้จับถนัดมือ ด้านปลายจะมีหัวชอล์คพิเศษเพื่อให้แรงที่ส่งจากแขนสามารถส่งไปถึงลูกได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นยังมีไม้คิวอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ ไม้คิวสำหรับช่วยเหลือเวลาอยู่ในสถานการณ์แทงได้ยาก จะมีไม้อยู่สามแบบ แบบคอหงส์ ปลายจะเป็นเหล็กรู้ตัวยู แล้วมีหัวยื่นออกไปเพื่อให้ส่งไม้คิวลงไป สองแบบสไปเดอร์คล้ายกับคอหงส์ แต่ขนาดของตัวยูจะเล็กกว่า และ ไม้เรสต์ เหล็กปลายจะเป็นรูปตัว X เพื่อให้ผู้เล่นสามารถแทงลูกขาวได้ในจุดที่เอื้อมไม่ถึง
ลูกสนุกเกอร์
เรื่องสำคัญของการเล่นสนุกเกอร์ก็คือเรื่องของลูกบนโต๊ะ ลูกบนโต๊ะนั้นจะแบ่งกลุ่มออกตามสีของมัน ซึ่งแต่ละสีมีความหมายในเรื่องคะแนนแตกต่างกันไปด้วย โดยทุกลูกจะมีขนาดเท่ากันหมดคือเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 52.5 มิลลิเมตร ตัวลูกนั้นถือว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่แพงมากของกีฬาชนิดนี้ เดิมทีสมัยแรกทำมาจากงาช้าง ก่อนจะมาพัฒนาสร้างจากวิทยาศาสตร์เป็น ไนโตรเซลลูโลส แล้วพัฒนาต่อมาอีกจนปัจจุบันใช้พลาสติกชนิด ฟินอลลิกเรซิน ทำให้มีน้ำหนักและคงทนต่อแรงกระแทก แรงแทง จากผู้เล่นได้ดี โดยการเล่นตามมาตรฐานลูกสนุกเกอร์บนโต๊ะจะต้องทั้งหมด 22 ลูกแบ่งออกเป็นลูกสีแดง 15 ลูก ลูกสีอื่นอีก 6 ลูกแบ่งเป็นสีละ 1 ลูกดังนี้ ลูกสีเหลือง สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีชมพู สีดำ และสีขาว โดยลูกแต่ละสีจะมีคะแนนแตกต่างกันก็คือ ลูกสีแดง 1 คะแนน ลูกสีเหลือง 2 คะแนน ลูกสีเขียว 3 คะแนน ลูกสีน้ำตาล 4 คะแนน ลูกสีน้ำเงิน 5 คะแนน ลูกสีชมพู 6 คะแนน และ ลูกสีดำ 7 คะแนน ส่วนลูกสีขาวไม่มีคะแนนเนื่องจากเราต้องเล่นลูกสีขาวเป็นหลัก
การแต่งกาย นักสนุกเกอร์ (ระดับแข่งขัน)
กีฬาชนิดนี้หากเป็นระดับสมัครเล่น แบบเล่นกันเองในกลุ่ม หรือ สโมสรก็ไม่ต้องมีพิธีรีตองเรื่องการแต่งกายอะไรมาก (แต่หากเป็นสถานที่ปิด ก็ควรจะแต่งกายให้สุภาพ ไม่ควรใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะเพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่) แต่หากเป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการไม่ว่าจะเป็นระดับเยาวชน จนถึงระดับมืออาชีพ ระดับนานาชาติ การแต่งกายต้องเนี๊ยบหน่อย ผู้เข้าแข่งขันต้องใส่สูทแบบเสื้อกั๊กใส่หูกระต่าย กางเกงสแล็คอย่างดี รองเท้าหนัง หน้าผมต้องเรียบร้อยไม่ตัดสั้นก็ต้องเซ็ตผมให้ดูดี ที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้เกียรติสถานที่และฝ่ายจัดการแข่งขัน อีกเหตุผลก็คือ เสื้อจะต้องปิดให้มิดชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อไปสัมผัสลูกอื่นในขณะก้มแทงลูก (หากสัมผัสโดนจะฟาล์วโดนตัดแต้มได้)